อาย่า คือเด็กหญืงที่ถูกนำมาทิ้งไว้ที่บ้านเลี้ยงเด็กเซนต์มอร์วัลด์ตั้งแต่ยังเป็นทารก เธอเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาตลอด จนกระทั่ง เบลล่า ยากา กับ แมนเดรค ปลอมตัวมาเป็นพ่อแม่บุญธรรมและมาที่เซนต์มอร์วัลด์ด้วยจุดประสงค์บางอย่าง อาย่าจึงตัดสินใจหนีไปยังบ้านลึกลับหลังหนึ่ง ซึ่งที่นี่เต็มไปด้วยน้ำยาและหนังสือเวทมนตร์ต่างๆ จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจร่ายเวทมนตร์สุดป่วนของแม่มดน้อยนามอาย่า รีวิวหนังใหม่
Earwig and the Witch บอกเล่าชีวิตของเด็กสาวตัวเล็ก “Earwig” ผู้ซึ่งเผชิญกับชะตากรรมที่น่าสงสาร แม่ของเธอต้องทิ้งเธอไปเพราะโดนแม่มดตามล่า (ด้วยเหตุผลอะไร ต้องตามไปดูในหนังตัวเต็มนะครับ) ทำให้เอียร์วิกต้องอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่เด็ก แต่ขณะที่อยู่ในสถานเด็กกำพร้านั้นเอง เธอก็ได้เรียนรู้ถึงพลังบางอย่างในตัวเอง เธอสามารถควบคุมจิตใจคนได้ และกลายเป็นหัวโจกในกลุ่ม
เอียร์วิกไม่เคยต้องการคนอุปถัมภ์ (Adoption) แต่แล้ววันหนึ่งก็มีผู้หญิงมารับตัวเธอไป และความจริงก็เปิดเผยภายหลังว่า ผู้หญิงคนนั้นคือ “Bella Yaga” แม่มดผู้หมายจะใช้เธอเป็นทาสในโรงงานผลิตเวทมนตร์ โดยที่ไม่รู้ว่าเอียร์วิกเองก็ไม่ใช่เด็กธรรมดา ๆ เช่นเดียวกัน เรื่องราววุ่น ๆ ของแม่มดฝึกหัดตัวน้อยจึงเริ่มต้นขึ้น พร้อมความจริงเกี่ยวกับแม่ที่เธอพยายามตามหามาโดยตลอด
สิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้จากตัวอย่างภาพยนตร์สั้น ๆ นี้ก็คือ “Vibe” หรือบรรยากาศ อารมณ์ของหนังที่แตกต่างออกไป แอนิเมชัน 3D เรื่องนี้ดูเหมือนจะสลัดกลิ่นอายความเป็น Studio Ghibli ทิ้งไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ถ้าบอกว่าเป็นผลงานของ Disney หรือ Pixar ยังจะน่าเชื่อกว่าเสียอีก เพราะการไม่มีลายเส้นของการ์ตูนแบบที่ผู้ชมคุ้นเคย ทำให้หนังค่อนข้างขาด “ความเป็นญี่ปุ่น” ไปพอสมควร ขณะเดียวกัน เมื่อเทียบกับฝั่งตะวันตก Earwig and the Witch ก็ยังทำภาพได้ละเอียดไม่เท่าค่ายแอนิเมชันดัง ๆ จากแถบนั้นเท่าไหร่นัก สังเกตว่าตัวละครจะเคลื่อนไหวได้ไม่พลิ้วไหวเท่า การแสดงออกทางสีหน้ายังไม่เป็นธรรมชาติ ส่วนด้านของแสง เงา และการเรนเดอร์ ก็ยังเหลือพื้นที่ให้พัฒนาอีกเยอะ
อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์แอนิเมชัน 3D เรื่องนี้ก็เป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนโฉมวงการอนิเมะญี่ปุ่นไปสู่เส้นทางใหม่ ๆ ในอนาคตเราอาจมีโอกาสได้เห็นจิบลินำหนังในดวงใจผู้ชมอีกหลายเรื่อง เช่น Spirited Away, Howl’s Moving Castle หรือ Princess Mononoke มาสร้างใหม่ในเวอร์ชันสามมิติ เช่นเดียวกับที่ Stand by Me Doraemon ทำก็ได้
โกโร่ มิยาซากิ ซึ่งนั่งแท่นผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ของ Earwig and the Witch ได้กล่าวถึงการผลิตแอนิเมชันเรื่องนี้ไว้ว่า เขาไม่ได้ปรึกษากับใครเลย ไม่ว่าจะเป็นฮายาโอะผู้เป็นพ่อ หรือโทชิโอะ ซุซุกิ โปรดิวเซอร์คนสำคัญของจิบลิ เนื่องจากเขาเป็นเพียงคนเดียวในสตูดิโอที่รู้เรื่องกระบวนการผลิตแอนิเมชันด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิก ประกอบกับทีมงานดั้งเดิมของจิบลิก็กำลังยุ่งอยู่กับการทำอนิเมะยาวเรื่องต่อไป ซึ่งเริ่มสร้างมาตั้งแต่กลางปี 2016 และยังไม่มีกำหนดว่าจะฉายเมื่อไหร่ แต่ก็เป็นอีกผลงานที่แฟน ๆ ตั้งตารอคอยกันเป็นอย่างมาก ดังนั้น หลังจากได้เห็นผลงานของรุ่นลูกแล้ว ก็เป็นที่น่าจับตามองว่าทิศทางของ Studio Ghibli ในอนาคตจะเป็นอย่างไร จะหันไปตามสมัยนิยมกับแอนิเมชัน 3 มิติ หรือคงความดั้งเดิมไว้ด้วยอนิเมะ 2 มิติที่ต้องวาดทีละเฟรมเหมือนยุคเก่า
Comments
Post a Comment