เรื่องราวของไมลส์ โมราเลส เด็กผิวสีที่ค้นพบว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีพลังแมงมุมแบบสไปเดอร์แมน และพบว่าไม่ได้มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่เป็นสไปเดอร์แมน เขาเริ่มออกช่วยเหลือผู้คนรวมถึงคนที่เขารักนั่นคือพ่อ ซึ่งในหนังเรื่องนี้เราจะได้เห็นสไปเดอร์แมนอีกหลายคน ดูหนัง Netflix
นับเป็นยุคทองของสไปเดอร์แมนจริง ๆ เพราะนอกจากหนังฉบับ ทอม ฮอลแลนด์ จะไปได้ดีกับค่ายมาร์เวลจนมีภาคต่อเตรียมเข้าฉายปีหน้าในชื่อ Spider-Man: Far From Home และเกมที่ลงในเครื่อง PS4 ก็กระแสดี ยอดขายสูงจนอาจมีภาคต่อเช่นกัน แต่กระนั้นจะมาในรูปแบบไหนอีกเท่าไหร่ก็เชื่อว่าแฟน ๆ สไปดี้ก็คงยินดีที่จะอุดหนุนไม่มีทางเอียนไปง่าย ๆ เป็นดังนั้นแล้วค่ายโซนี่เลยจัดแอนิเมชั่นเข้ามาปลุกกระแสให้หนักขึ้นไปอีกในชื่อ Spider-Man: Into the Spider-Verse ซึ่งบ้านเราจะเข้าฉายหลังปีใหม่นี้เลย
โดยจับความจากฉบับคอมิกส์ชื่อ Spider-Verse เมื่อปี 2014 เขียนเรื่องโดย แดน สลอตต์ ที่เนื้อหาเกี่ยวกับภัยคุกคามข้ามมิติจักรวาลของครอบครัวนักฆ่าแมงมุมของ มอร์ลัน ที่ตามล่าผู้ได้รับพลังแมงมุมในแต่ละจักรวาลมาสังเวยตามความเชื่อจนมาถึงโลกของเรา แต่สำหรับในฉบับหนังแอนิเมชั่นที่เราจะได้ดูนี้จะดัดแปลงเรื่องราวเป็นการทดลองของ วิลสัน ฟีสก์ หรือรู้จักกันดีในนาม คิงพิน มาเฟียตัวร้ายแห่งจักรวาลมาร์เวลคู่ปรับใหญ่ของสไปเดอร์แมน ที่พยายามลบความผิดพลาดในอดีตที่ทำให้สูญเสียลูกและเมียไป โดยการสร้างประตูมิติและหวังจะนำพาลูกกับเมียของตนในอีกจักรวาลหนึ่งกลับมา แต่ผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นคือจะทำให้โลกของเราเกิดการล่มสลายเพราะความทับซ้อนของต่างมิติ ทั้งยังส่งผลให้เหล่าสไปเดอร์แมนในมิติอื่นหลุดเข้ามายังโลกนี้ด้วย
ความเปลี่ยนแปลงอีกประการคือการยกตัวเอกที่ไม่ใช่ ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ ในวัยผู้ใหญ่หรือเด็กมานำ แต่เปลี่ยนมามองผ่านสายตาของ ไมลส์ โมราเลส เด็กผิวสีที่บังเอิญได้รับพลังแมงมุมและยังหาวิธีจัดการกับพลังที่ได้รับมาอย่างยากลำบาก ซึ่งจะคล้ายกับปีเตอร์ตอนวัยรุ่นเลย สำหรับคอคอมิกส์หรือสื่ออื่นที่ไม่ใช่หนังน่าจะคุ้นเคยกับไมลส์มาพอสมควรเพราะเขาโลดแล่นในฐานะสไปเดอร์แมนแทน ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ มาได้พอสมควรแล้ว แต่สำหรับคอหนังนี่คือการตัวครั้งแรกและยังได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ของสไปเดอร์แมนที่มีมากกว่าหนึ่งคนเลยด้วย
แอนิเมชั่นนี้เป็นผลงานการกำกับของ บ๊อบ เพอซิเชตตี้ (มือเขียนบท The Little Prince (2015), ปีเตอร์ แรมซี่ย์ (ผู้กำกับ Rise of the Guardians (2012) และ ร็อดนี่ ร็อธแมน (มือเขียนบท 22 Jump Street (2014) โดยมี ฟิล ลอร์ด ที่เคยเขียนบทหนังอย่าง The Lego Movie (2014) มาดัดแปลงเรื่องราวด้วย ก็นับว่าลงตัวเมื่อมองโจทย์ว่าอยากทำแอนิเมชั่นที่มีความหลากหลายในการนำเสนอ (The Little Prince กับ Rise of the Guardians) มีมุกตลกเจือ (22 Jump Street) และสามารถผูกเรื่องราวมากมายหลายมิติหลายตัวละคร ที่ประหนึ่ง The Avengers ของจักรวาลสไปเดอร์แมนให้มารวมกันได้ลงตัว (The Lego Movie) คือมองขาดมาก
ข้อมูลหนัง
ผู้กำกับ: บ๊อบ เพอซิเชตตี้, ปีเตอร์ แรมซี่ย์, ร็อดนี่ ร็อธแมน
นักแสดง (ให้เสียงพากย์): นิโคลัส เคจ, เฮลีย์ สไตน์เฟลด์, เจค จอห์นสัน
Comments
Post a Comment